ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้และกรรมการ
(Privacy Notices For Shareholder ,Bondholder)
บริษัท เพาเวอร์ไลน์
เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) และบริษัทในเครือ
(รวมเรียกว่า “บริษัทฯ”) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
โดยบริษัทฯได้รับความไว้วางใจจากท่านในฐานะผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทฯ
รวมทั้งในกรณีที่ท่านเป็นผู้รับมอบฉันทะผู้รับมอบอำนาจจากบุคคลดังกล่าวด้วย
เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าบริษัทฯจะให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ให้ไว้โดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยความคุ้มครองข้อมูส่วนบุคคล
บริษัทฯจึงได้ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น
เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการเก็บ
รวบรวม ใช้หรือเปิดเผย(รวมเรียกว่า “การประมวลผลข้อมูล”)
ตลอดจนให้ท่านทราบถึงสิทธิต่างๆในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
และช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ดังต่อไปนี้
1.
วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ
เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการภายใต้ฐานทางกฎหมาย
ดังต่อไปนี้
1)
ฐานการปฏิบัติตามสัญญา:เพื่อติดต่อกับท่านในฐานะผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้ การมอบฉันทะสำหรับผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้
การตรวจสอบยืนยันการลงทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้
การมอบฉันทะสำหรับผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้ การจ่ายเงินปันผล
การใช้งานเว็บไชต์หรือแอพลิเคชั่น ตามเงื่อนไขการใช้บริการตามที่กำหนด
2)
ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย:
เพื่อปฏิบัติต่อท่านตามสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้
การมอบฉันทะสำหรับผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้ รวมถึงเปิดเผยและรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อหน่วยงานที่กฎหมายกำหนดเช่น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ เป็นต้น รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือตามคำสั่งของหน่วยงานราชการหรือองค์กรอิสระหรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย
นอกจากนี้
อาจมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบหรือสอบทานข้อเท็จจริง
เพื่อป้องกันการทุจริตในใช้สิทธิหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
เพื่อเป็นหลักฐานในการยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
3)
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: โดยคำนึงถึงความได้สัดส่วนและความคาดหมายของท่าน
โดยประโยชน์ที่ได้มีความสมดุลกับสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
ก) เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล การจัดกิจกรรม การจัดเตรียมงาน
การอำนวยความสะดวกการจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับผู้ถือหุ้น
ผู้ถือหุ้นกู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทฯ จัดขึ้น
ข)เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่หรือตามอำนาจที่ได้รับมอบ
ค)เพื่อการตรวจสอบจากผู้ถือหุ้นใหญ่
หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสืบสวน สอบสวน การขอคำปรึกษา
เกี่ยวกับการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการพิสูจน์ในกระบวนการทางกฎหมาย
ง)เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่จากการบันทึกภาพด้วยระบบกล้องวงจรปิด
(CCTV)
4)
ฐานความยินยอม: เพื่อเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว ได้แก่ ข้อมูลสุขภาพ ความเชื่อ ศาสนา รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวอื่น
ๆ ที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อการยืนยันตัวตน
เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยของท่านระหว่างเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทฯ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ
เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยเป็นข้อมูลที่มีความจำเป็นต่อบริษัทฯในการปฏิบัติตามสัญญา
หรือข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้
และเพื่อปฏิบัติตามตามกฎหมายต่างๆที่ใช้บังคับ รวมถึงเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด
และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่
บริษัทฯ เก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่
บริษัทฯ เก็บรวบรวมได้จากการข้อมูลจากท่านโดยตรง
เช่นการให้ท่านกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มที่กำนด
หรือสอบถามจากท่าน หรือขอให้ท่านส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ
รวมถึงบริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
นายทะเบียน บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ดังต่อไปนี้
1)
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล คำนำหน้าชื่อ เพศ วันเดือนปีเกิด
หมายเลขบัตรประจำตัว ประชาชน อายุ
2) ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่
หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล
3) ข้อมูลทางการเงิน เช่น
หมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร การจ่ายเงินปันผล
4) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของบริษัทฯ
เช่น ภาพถ่าย หรือวีดีโอ
อนึ่ง
บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์ที่จะเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า
10 ปี อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ท่านเป็นผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 10 ปี
หรือเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ
และประสงค์ที่จะสอบถามเกี่ยวกับบริการใดๆ รวมถึงต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทฯ
ขอให้ผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายของท่านเป็นผู้ดำเนินการดังกล่าวในนามของท่าน
และให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการดำเนินการดังกล่าวได้
หากบริษัทฯพบว่าได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ได้รับความยินยอมตามกฎหมายจากผู้ใช้ออำนาจปกครองบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ขอปฏิเสธในการดำเนินการใดๆ
และจะทำการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้เก็บรวบรวมไว้ทันที
3.
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
โดยทั่วไปแล้วบริษัทฯ
ไม่มีความประสงค์จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
เช่น เชื้อชาติ
ศาสนา หมู่เลือด หรือข้อมูลใบหน้า สำหรับใช้ในระบบการจดจำใบหน้า (Face
Recognition) (ถ้ามี) และข้อมูลสุขภาพ ท่านสามารถปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้ได้
หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น บริษัทฯจะถือว่าท่านอนุญาตให้บริษัทฯจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ของท่านไว้เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
4. การใช้คุกกี้
บริษัทฯ มีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ตามที่กำหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้
5.
การขอความยินยอมและผลกระทบที่ไม่ได้ให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลในการจัดเก็บ
บริษัทฯ
จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โดยจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่กฎหมายกำหนด ภายใต้ฐานปฏิบัติตามกฎหมาย
ฐานปฏิบัติตามสัญญา ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ ความจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต
ร่างกาย และเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
กรณีที่ท่านไม่ยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น
บริษัท อาจไม่สามารถบริหาร หรือจัดการสัญญาผู้ถือหุ้นกู้ระหว่างบริษัทฯ กับท่านได้
รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ท่านในฐานะผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับ(ถ้ามี)
6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
6.1บริษัทฯจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น หรือ เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัทฯ
ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน
บริษัทฯจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม
(เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
6.2
บริษัทฯ จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
7.
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่น
บริษัทฯ
มีความจำเป็นต้องเปิดเผยหรือรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธนาคารที่มีหน้าที่จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้น/ผู้ถือหุ้นกู้ นายทะเบียนผู้ถือหุ้น/ผู้ถือหุ้นกู้
ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ บริษัทประกัน
และหรือตัวแทน/นายหน้าประกันภัย/ประกันชีวิต เป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯ
อาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ข้างต้น
เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชี การขอคำปรึกษาทางกฎหมาย การตรวจสอบ
การประเมิน การดำเนินคดี และการดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ
8.
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
บริษัทฯอาจมีการเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ
และอาจมีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสำเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ ทั้งนี้ ในการส่งหรือโอนข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศ
ไม่ว่ากรณีใด ๆ บริษัทฯ จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.
2562 อย่างเคร่งครัด
9.
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ
ตระหนักและให้ความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ซึ่งท่านได้มอบความไว้วางใจให้บริษัทฯเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้กฎหมายที่กำหนด
ทางบริษัทฯจึงได้จัดเตรียมมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลในด้านต่างๆ
ภายใต้ประกาศของกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ว่าด้วยมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ 2563
เพื่อคงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้อง และสภาพพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย เข้าถึง
ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบ มีการควบคุมหรือกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
อุปกรณ์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูล รวมถึงจัดให้มีการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง
เปลี่ยนแปลง ลบ หรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของ
10.
สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย
บริษัทฯจะให้สิทธิ์ตามคำขอของท่านตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 ผ่านทางช่องทางติดต่อบริษัทฯหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ตามรายละเอียดในข้อที่ 11
และทางบริษัทฯอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้เฉพาะในกรณีที่เป็นการปฏิเสธตามกฎหมาย
หรือคำสั่งศาล
การร้องขอใดๆ
เพื่อการใช้สิทธิของท่าน ท่านจะต้องดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษร
และบริษัทฯจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะดำเนินการคำขอของท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล
และไม่เกินระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎหมาย โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้
เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
เป็นต้นไป ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้
10.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ
ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทฯ
เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทฯ
ได้ข้อมูลของท่านมาได้อย่างไร
10.2 สิทธิในการขอรับข้อมูลหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ
รวมถึงมีสิทธิขอให้บริษัทฯส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการเก็บ
รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายแล้ว
10.3 สิทธิในการคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม
ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อใดก็ได้ในกรณีที่ฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตให้กระทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน
10.4 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
ท่านมีสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้
เพื่อให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
10.5 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล
ท่านมีสิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำลาย หรือทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้หาก
(ก) ท่านเห็นว่าข้อมูลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
(ข) ท่านได้คัดค้านการประมวลผลตามข้อ
10.3 หรือ
(ค)
เมื่อมีการเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(ง)
ท่านถอนความยินยอมที่เป็นฐานในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
10.6 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
และบริษัทฯ จะดำเนินการดังกล่าว หากบริษัทฯพิจารณาเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการจัดเก็บหรือประมวลผลไม่ชอบด้วยกฎหมาย
10.7 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ในกรณีดังต่อไปนี้
(ก) เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ
(ข) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย
แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
(ค) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บ
แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิ เรียกร้องตามกฎหมาย
การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(ง)
เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านของท่านตามข้อ 10.6 เพื่อดูว่าบริษัทมีอำนาจตามกฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่
10.8 สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม
ในกรณีที่บริษัทฯ
อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ
ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ
10.9 สิทธิในการร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้
และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อนึ่งการใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทฯอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้
เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธิของท่านนั้นอาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
เป็นต้น
11.
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
11.1
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล: บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน):
สถานที่ติดต่อ:
2 ซอยสุขุมวิท 81(ศิริพจน์) ถนนสุขุมวิท
แขวงบางจาก
เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260 โทรศัทพ์ 02 332
0345 โทรสาร 02 311
0851
11.2
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ:
2 ซอยสุขุมวิท 81(ศิริพจน์) ถนนสุขุมวิท
แขวงบางจาก
เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260 โทรศัทพ์ 02 332
0345 โทรสาร 02 311
0851
E-Mail: pdpa@ple.co.th
12. การเปลี่ยนแปลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯอาจปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว
เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ
และตามข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นจากท่าน โดยบริษัทฯจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ
ซึ่งท่านสามารถเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ได้ที่เว็บไซต์ www.ple.co.th