Privacy Policy

ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับ คู่ค้าหรือคู่สัญญา

(Privacy Notices For Customer or Contractor)  

บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า บริษัทฯ”) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขอคู่ค้า หรือคู่สัญญา(“ท่าน”)

 เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าบริษัทฯจะให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ให้ไว้โดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยความคุ้มครองข้อมูส่วนบุคคล บริษัทฯจึงได้ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผย(รวมเรียกว่า การประมวลผลข้อมูล”) ตลอดจนให้ท่านทราบถึงสิทธิต่างๆในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อสื่อสารของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้

1. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

1) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา: เพื่อการพิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติก่อนการเข้าทำสัญญา การติดต่อ  ประสานงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญา การเข้าทำสัญญาระหว่างกัน รวมถึงการชำระเงินตามสัญญา และการดำเนินกระบวนการชำระเงินผ่าน Platform ของผู้ให้บริการของ บริษัท

2) ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย: เพื่อความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นหลักฐานในการยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือตามคำสั่งของหน่วยงานราชการที่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงการเปิดเผยหรือรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานราชการที่มีอำนาจตามกฎหมาย

3) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: โดยคำนึงถึงความได้สัดส่วนและความคาดหมายของท่าน โดยประโยชน์ที่ได้มีความสมดุลกับสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ก) เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมหรือนิติกรรมสัญญา

ข) เพื่อการตรวจสอบจากผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสืบสวน สอบสวน ตรวจสอบ การขอคำปรึกษา เกี่ยวกับการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการพิสูจน์ในกระบวนการทางกฎหมาย โดยอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายและภาษีอากร ผู้ตรวจสอบบัญชี รวมถึงที่ปรึกษาอื่นใดเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว

ค) เพื่อการบริหารความเสี่ยง ตรวจสอบและกำกับภายใน และการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ถือหุ้นหลัก เพื่อการตรวจสอบภายในและป้องกันการกระทำผิด หรือการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย

ง) เพื่อการวิเคราะห์ หรือประเมิน ปรับปรุง วางแผน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ

จ) เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่จากการบันทึกภาพด้วยระบบกล้องวงจรปิด (CCTV)

4) ฐานความยินยอม:บริษัทฯจะดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้เมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน

ก) เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนท่านในฐานะคู่ค้าหรือคู่สัญญาของ บริษัทฯ ให้สนใจใช้บริการ Platform ของผู้ให้บริการของ บริษัทฯ เป็นช่องทางในการรับ-ชำระเงิน รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของผู้ให้บริการของ บริษัทฯ

ข) เมื่อได้รับความยินยอมตามกฎหมายจากท่าน เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวได้แก่ ข้อมูลสแกนใบหน้า หรือ สแกนนิ้ว สำหรับงานรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ หรืองานด้านบริหารแรงงานในสำนักงานหรือโครงการ

 

2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เมื่อท่านได้ติดต่อ ซื้อขายสินค้า หรือให้บริการใด ๆ แก่ทางบริษัทฯ เช่น

1. ข้อมูลส่วนตัว เช่นชื่อ-นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี

2)  ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล

3)  ข้อมูลทางการเงินและธุรกิจ เช่น หมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร ข้อมูลการทำธุรกรรม รายละเอียดราคาและผลิตภัณฑ์

4)  ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบสารสนเทศและเว็บไซต์ต่าง ๆ ของ บริษัทฯการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด CCTV การบันทึกเสียงสนทนาจากการประชุมต่างๆ

บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น ตัวแทนขายในกลุ่มธุรกิจอื่นของ บริษัทฯพันธมิตรทางธุรกิจ หรือบริษัทในกลุ่มในเครือของ บริษัทฯ ลูกค้าหรือตัวแทนของ บริษัทฯซึ่งเป็นผู้แนะนำ โดยทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบ และขอความยินยอมจากท่านเว้นแต่ได้รับการยกเว้นภายใต้กฎหมายที่กำหนด

 

 

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

             บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเกี่ยวกับท่าน ข้อมูลที่อ่อนไหวที่มีรายละเอียด เช่น  เชื้อชาติ ลัทธิ ความเชื่อ ศาสนา หมู่เลือด  ปรัชญา ความคิดเห็นทางการเมืองสมาชิกสหภาพแรงงาน ข้อมูลอาชญากกรรม และข้อมูลสุขภาพ  เป็นต้น ท่านสามารถปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้ได้โดยการลบ หรือขีดทับ ทำให้มองไม่เห็น   หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น บริษัทฯจะถือว่าท่านอนุญาตให้บริษัทฯจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ของท่านไว้เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น และหากบริษัทฯมีความจำเป็นในการใช้ข้อมูลอ่อนไหวของท่าน ทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

 

4. การใช้คุกกี้

          บริษัทฯ มีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้

 

5. การขอความยินยอมและผลกระทบที่ไม่ได้ให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลในการจัดเก็บ

บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่กฎหมายกำหนด ภายใต้ฐานปฏิบัติตามกฎหมาย ฐานปฏิบัติตามสัญญา ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ  ความจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

กรณีที่ท่านไม่ยินยอม หรือให้ยอมให้ข้อมูลบุคคลที่จำเป็นเพียงบางส่วน หรือไม่ให้ทั้งหมดตามกฎหมายหรือภายใต้เงื่อนไขของสัญญาเมื่อมีการร้องขอ บริษัทฯ อาจไม่สามารถบริหาร หรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับท่านได้ อาจเป็นเหตุที่ทำให้ท่านไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากบริษัทฯ

หากท่านถอนคำยินยอมที่ได้ไห้ไว้กับบริษัทฯ หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่างที่จำเป็น อาจส่งผลทำให้บริษัทฯไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดที่ระบุไว้ในนโยบายส่วนตัวนี้ได้

 

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

6.1  บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตาม   ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่         นานขึ้น หรือ เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้อง ตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและ    ข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัทฯ

6.2  บริษัทฯ จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้น   กำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องกันหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ใน      การเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
 
          ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯจะ         เก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวมเช่น ตาม     อายุความ 10 ปี เว้นแต่ยังมีภาระผูกพัน หรือเงื่อนไขสัญญา หรือข้อจำกัดของกฎหมาย

7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น

บริษัทฯอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ข้างต้นหรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อปฏิบัติตามสัยญา เพื่อประโยชน์ทางอันชอบทางกฎหมาย   เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายของท่าน หรือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชี การขอคำปรึกษาทางกฎหมาย การตรวจสอบ การประเมิน การดำเนินคดี และการดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจที่ไม่ขัดต่อกฎหมายนั้นๆ

 

8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

          บริษัทฯอาจมีการเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ และอาจมีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นสำเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ   ทั้งนี้ ในการส่งหรือโอนข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศ ไม่ว่ากรณีใด ๆ บริษัทฯ จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด

 

9. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

          บริษัทฯ ตระหนักและให้ความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งท่านได้มอบความไว้วางใจให้บริษัทฯเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้กฎหมายที่กำหนด ทางบริษัทฯจึงได้จัดเตรียมมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลในด้านต่างๆ ภายใต้ประกาศของกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่าด้วยมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ 2563 เพื่อคงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้อง และสภาพพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย เข้าถึง  ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบ มีการควบคุมหรือกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล อุปกรณ์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูล  รวมถึงจัดให้มีการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

 

10. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย บริษัทฯจะให้สิทธิ์ตามคำขอของท่านตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ผ่านทางช่องทางติดต่อบริษัทฯหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ตามรายละเอียดในข้อที่ 11 และทางบริษัทฯอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้เฉพาะในกรณีที่เป็นการปฏิเสธตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล

การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่าน ท่านจะต้องดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทฯจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะดำเนินการคำขอของท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎหมาย โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

10.1  สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทอาจได้จากแหล่งอื่นหรือโดยที่ท่านไม่ได้ทราบ หรือยังไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทฯ ได้ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นของท่านมาได้อย่างไร  

10.2  สิทธิในการขอรับข้อมูลหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

 ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ รวมถึงมีสิทธิขอให้บริษัทฯส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายแล้ว

10.3  สิทธิในการคัดค้านการเก็บ รวบรวม  ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

 ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อใดก็ได้ในกรณีที่ฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตให้กระทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน

10.4  สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง

                   ท่านมีสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้ เพื่อให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวท่าน

         10.5  สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล
         ท่านมีสิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำลาย หรือทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้  หาก             () ท่านเห็นว่าข้อมูลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ที่

                                 กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) ท่านได้คัดค้านการประมวลผลตามข้อ 10.3 หรือ

(ค) เมื่อมีการเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(ง) ท่านเพิกถอนความยินยอมที่เป็นฐานในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วน                บุคคล
       บริษัทฯมีสิทธิปฎิเสธคำร้องขอให้ลบข้อมูลหากมีข้อจำกัดทางกฎหมายหรือสัญญา หรือยังเป็นประโยชนน์ของท่านหรือบริษัทฯ ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

10.6  สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

  ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และบริษัทฯ จะดำเนินการดังกล่าว หากบริษัทฯพิจารณาเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการจัดเก็บหรือประมวลผลไม่ชอบด้วยกฎหมาย

10.7  สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
           ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้

          () เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ

          () เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน

() เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บ     แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิ    เรียกร้องตามกฎหมาย    การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

          () เมื่อบริษัทฯอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านของท่านตามข้อ 10.6 เพื่อดูว่าบริษัทมีอำนาจตาม       กฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่

10.8  สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม

  ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิยื่นคำร้องขอเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมก่อนหน้านี้กับบริษัทฯ โดยจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการอื่นใดที่ได้กระทำก่อนที่จะมีการใช้สิทธิเพิกถอนความยินยอมนั้น  ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากมีข้อจำกัดสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน

 

 

10.9  สิทธิในการร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมาย

                   ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

          อนึ่งการใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทฯอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตามสัญญา หรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธิของท่านนั้นอาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

10.10  การสงวนสิทธิ

          บริษัทฯขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำร้องขอ กรณีดังต่อไปนี้  

          () กฎหมายกำหนดให้สามารถดำเนินการได้

          () ผู้ยื่นคำร้องไม่มีหลักฐาน หรือไม่สามารถระบุตัวตนยืนยันว่าเป็นเจ้าข้อมูลส่วนบุคคล

          () คำร้องดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล หรือผู้ร้องไม่มีสิทธิตามกฎหมาย หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่        เก็บในบริษัทฯ

          () บริษัทฯได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าเป็นคำร้องขอที่ฟุ่มเฟือย หรือมีเนื้อหา      เดียวกันซ้ำๆ                กันโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งบริษัทฯอาจกำหนดค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการดำเนินการ    ตามคำ      ขอใช้สิทธิตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯกำหนด

         

11. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

11.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล: บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน):

สถานที่ติดต่อ: 2 ซอยสุขุมวิท 81(ศิริพจน์)  ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง   กรุงเทพฯ 10260  โทรศัทพ์ 02 332 0345  โทรสาร 02 311 0851

11.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(DPO)

สถานที่ติดต่อ: 2 ซอยสุขุมวิท 81(ศิริพจน์)  ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง   กรุงเทพฯ 10260  โทรศัทพ์ 02 332 0345  โทรสาร 02 311 0851

         E-Mail: pdpa@ple.co.th

12. การเปลี่ยนแปลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯอาจปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย ของการให้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ และตามข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นจากท่าน โดยบริษัทฯจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆของบริษัทฯ ซึ่งท่านสามารถเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ได้ที่เว็บไซต์ www.ple.co.th

ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับ คู่ค้าหรือคู่สัญญา
(Privacy Notices For Customer or Contractor)

บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “บริษัทฯ”) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขอคู่ค้า หรือคู่สัญญา(“ท่าน”)

เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าบริษัทฯจะให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ให้ไว้โดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยความคุ้มครองข้อมูส่วนบุคคล บริษัทฯจึงได้ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผย(รวมเรียกว่า “การประมวลผลข้อมูล”) ตลอดจนให้ท่านทราบถึงสิทธิต่างๆในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อสื่อสารของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้

1. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

1) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา: เพื่อการพิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติก่อนการเข้าทำสัญญา การติดต่อ ประสานงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญา การเข้าทำสัญญาระหว่างกัน รวมถึงการชำระเงินตามสัญญา และการดำเนินกระบวนการชำระเงินผ่าน Platform ของผู้ให้บริการของ บริษัท

2) ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย: เพื่อความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นหลักฐานในการยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือตามคำสั่งของหน่วยงานราชการที่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงการเปิดเผยหรือรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานราชการที่มีอำนาจตามกฎหมาย

3) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: โดยคำนึงถึงความได้สัดส่วนและความคาดหมายของท่าน โดยประโยชน์ที่ได้มีความสมดุลกับสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ก) เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมหรือนิติกรรมสัญญา

ข) เพื่อการตรวจสอบจากผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสืบสวน สอบสวน ตรวจสอบ การขอคำปรึกษา เกี่ยวกับการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการพิสูจน์ในกระบวนการทางกฎหมาย โดยอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายและภาษีอากร ผู้ตรวจสอบบัญชี รวมถึงที่ปรึกษาอื่นใดเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว

ค) เพื่อการบริหารความเสี่ยง ตรวจสอบและกำกับภายใน และการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ถือหุ้นหลัก เพื่อการตรวจสอบภายในและป้องกันการกระทำผิด หรือการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย

ง) เพื่อการวิเคราะห์ หรือประเมิน ปรับปรุง วางแผน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ

จ) เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่จากการบันทึกภาพด้วยระบบกล้องวงจรปิด (CCTV)

4) ฐานความยินยอม:บริษัทฯจะดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้เมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน

ก) เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนท่านในฐานะคู่ค้าหรือคู่สัญญาของ บริษัทฯ ให้สนใจใช้บริการ Platform ของผู้ให้บริการของ บริษัทฯ เป็นช่องทางในการรับ-ชำระเงิน รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของผู้ให้บริการของ บริษัทฯ

ข) เมื่อได้รับความยินยอมตามกฎหมายจากท่าน เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวได้แก่ ข้อมูลสแกนใบหน้า หรือ สแกนนิ้ว สำหรับงานรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ หรืองานด้านบริหารแรงงานในสำนักงานหรือโครงการ

2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เมื่อท่านได้ติดต่อ ซื้อขายสินค้า หรือให้บริการใด ๆ แก่ทางบริษัทฯ เช่น

1. ข้อมูลส่วนตัว เช่นชื่อ-นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี

2) ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล

3) ข้อมูลทางการเงินและธุรกิจ เช่น หมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร ข้อมูลการทำธุรกรรม รายละเอียดราคาและผลิตภัณฑ์

4) ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบสารสนเทศและเว็บไซต์ต่าง ๆ ของ บริษัทฯการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด CCTV การบันทึกเสียงสนทนาจากการประชุมต่างๆ

บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น ตัวแทนขายในกลุ่มธุรกิจอื่นของ บริษัทฯพันธมิตรทางธุรกิจ หรือบริษัทในกลุ่มในเครือของ บริษัทฯ ลูกค้าหรือตัวแทนของ บริษัทฯซึ่งเป็นผู้แนะนำ โดยทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบ และขอความยินยอมจากท่านเว้นแต่ได้รับการยกเว้นภายใต้กฎหมายที่กำหนด

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเกี่ยวกับท่าน ข้อมูลที่อ่อนไหวที่มีรายละเอียด เช่น เชื้อชาติ ลัทธิ ความเชื่อ ศาสนา หมู่เลือด ปรัชญา ความคิดเห็นทางการเมืองสมาชิกสหภาพแรงงาน ข้อมูลอาชญากกรรม และข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น ท่านสามารถปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้ได้โดยการลบ หรือขีดทับ ทำให้มองไม่เห็น หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น บริษัทฯจะถือว่าท่านอนุญาตให้บริษัทฯจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ของท่านไว้เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น และหากบริษัทฯมีความจำเป็นในการใช้ข้อมูลอ่อนไหวของท่าน ทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

4. การใช้คุกกี้

บริษัทฯ มีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้

5. การขอความยินยอมและผลกระทบที่ไม่ได้ให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลในการจัดเก็บ

บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่กฎหมายกำหนด ภายใต้ฐานปฏิบัติตามกฎหมาย ฐานปฏิบัติตามสัญญา ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ ความจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

กรณีที่ท่านไม่ยินยอม หรือให้ยอมให้ข้อมูลบุคคลที่จำเป็นเพียงบางส่วน หรือไม่ให้ทั้งหมดตามกฎหมายหรือภายใต้เงื่อนไขของสัญญาเมื่อมีการร้องขอ บริษัทฯ อาจไม่สามารถบริหาร หรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับท่านได้ อาจเป็นเหตุที่ทำให้ท่านไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากบริษัทฯ

หากท่านถอนคำยินยอมที่ได้ไห้ไว้กับบริษัทฯ หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่างที่จำเป็น อาจส่งผลทำให้บริษัทฯไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดที่ระบุไว้ในนโยบายส่วนตัวนี้ได้

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 บริษัทฯจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตาม ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่ นานขึ้น หรือ เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้อง ตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและ ข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัทฯ

6.2 บริษัทฯ จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้น กำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องกันหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ใน การเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯจะ เก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวมเช่น ตาม อายุความ 10 ปี เว้นแต่ยังมีภาระผูกพัน หรือเงื่อนไขสัญญา หรือข้อจำกัดของกฎหมาย

7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น

บริษัทฯอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ข้างต้นหรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อปฏิบัติตามสัยญา เพื่อประโยชน์ทางอันชอบทางกฎหมาย เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายของท่าน หรือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชี การขอคำปรึกษาทางกฎหมาย การตรวจสอบ การประเมิน การดำเนินคดี และการดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจที่ไม่ขัดต่อกฎหมายนั้นๆ

8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

บริษัทฯอาจมีการเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ และอาจมีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นสำเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ ทั้งนี้ ในการส่งหรือโอนข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศ ไม่ว่ากรณีใด ๆ บริษัทฯ จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด

9. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ตระหนักและให้ความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งท่านได้มอบความไว้วางใจให้บริษัทฯเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้กฎหมายที่กำหนด ทางบริษัทฯจึงได้จัดเตรียมมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลในด้านต่างๆ ภายใต้ประกาศของกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่าด้วยมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ 2563 เพื่อคงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้อง และสภาพพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบ มีการควบคุมหรือกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล อุปกรณ์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูล รวมถึงจัดให้มีการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

10. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย บริษัทฯจะให้สิทธิ์ตามคำขอของท่านตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ผ่านทางช่องทางติดต่อบริษัทฯหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ตามรายละเอียดในข้อที่ 11 และทางบริษัทฯอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้เฉพาะในกรณีที่เป็นการปฏิเสธตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล

การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่าน ท่านจะต้องดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทฯจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะดำเนินการคำขอของท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎหมาย โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

10.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทอาจได้จากแหล่งอื่นหรือโดยที่ท่านไม่ได้ทราบ หรือยังไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทฯ ได้ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นของท่านมาได้อย่างไร

10.2 สิทธิในการขอรับข้อมูลหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ รวมถึงมีสิทธิขอให้บริษัทฯส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายแล้ว

10.3 สิทธิในการคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อใดก็ได้ในกรณีที่ฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตให้กระทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน

10.4 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้ เพื่อให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวท่าน

10.5 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล
ท่านมีสิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำลาย หรือทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หาก 

(ก) ท่านเห็นว่าข้อมูลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
(ข) ท่านได้คัดค้านการประมวลผลตามข้อ 10.3 หรือ
(ค) เมื่อมีการเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(ง) ท่านเพิกถอนความยินยอมที่เป็นฐานในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วน บุคคล

 บริษัทฯมีสิทธิปฎิเสธคำร้องขอให้ลบข้อมูลหากมีข้อจำกัดทางกฎหมายหรือสัญญา หรือยังเป็นประโยชนน์ของท่านหรือบริษัทฯ ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

10.6 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และบริษัทฯ จะดำเนินการดังกล่าว หากบริษัทฯพิจารณาเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการจัดเก็บหรือประมวลผลไม่ชอบด้วยกฎหมาย

10.7 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้

(ก) เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ

(ข) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน

(ค) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บ แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิ เรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(ง) เมื่อบริษัทฯอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านของท่านตามข้อ 10.6 เพื่อดูว่าบริษัทมีอำนาจตาม กฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่

10.8 สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม

ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิยื่นคำร้องขอเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมก่อนหน้านี้กับบริษัทฯ โดยจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการอื่นใดที่ได้กระทำก่อนที่จะมีการใช้สิทธิเพิกถอนความยินยอมนั้น ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากมีข้อจำกัดสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน

10.9 สิทธิในการร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมาย

ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

อนึ่งการใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทฯอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตามสัญญา หรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธิของท่านนั้นอาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

10.10 การสงวนสิทธิ

บริษัทฯขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำร้องขอ กรณีดังต่อไปนี้

(ก) กฎหมายกำหนดให้สามารถดำเนินการได้
(ข) ผู้ยื่นคำร้องไม่มีหลักฐาน หรือไม่สามารถระบุตัวตนยืนยันว่าเป็นเจ้าข้อมูลส่วนบุคคล
(ค) คำร้องดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล หรือผู้ร้องไม่มีสิทธิตามกฎหมาย หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่ เก็บในบริษัทฯ
(ง) บริษัทฯได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าเป็นคำร้องขอที่ฟุ่มเฟือย หรือมีเนื้อหา เดียวกันซ้ำๆ กันโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งบริษัทฯอาจกำหนดค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการดำเนินการ ตามคำ ขอใช้สิทธิตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯกำหนด

11. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

11.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล: บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน):

สถานที่ติดต่อ: 2 ซอยสุขุมวิท 81(ศิริพจน์) ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10800 โทรศัทพ์ 02 332 0345 โทรสาร 02 311 0851

11.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(DPO)

สถานที่ติดต่อ: 2 ซอยสุขุมวิท 81(ศิริพจน์) ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10800 โทรศัทพ์ 02 332 0345 โทรสาร 02 311 0851

E-Mail: pdpa@ple.co.th

12. การเปลี่ยนแปลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯอาจปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย ของการให้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ และตามข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นจากท่าน โดยบริษัทฯจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆของบริษัทฯ ซึ่งท่านสามารถเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ได้ที่เว็บไซต์ www.ple.co.th
Copyright © 2024
Power Line Engineering Public Company Limited. All Rights Reserved
crossmenu